วันศุกร์ที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ศิลปะการเมืองของโจโฉในสามก๊ก


( ศิลปะการเมืองของโจโฉในสามก๊ก )

   เมื่อเราพูดถึงโจโฉในวรรณกรรมสามก๊ก ฉบับ เจ้าพระยาพระคลัง ( หน ) ซึ่งได้แปลมาจากสำนวนของหลอก้วนจงภาพของโจโฉในวรรณกรรมนั้นค่อนข้างจะไปในทางลบบ้างเป็นจอมเผด็จการ บ้างก็ว่าโจโฉเป็นคนที่เลวร้ายเป็นอย่างมากแต่หารู้ไม่ว่าในประวัติศาสตร์จริงๆนั้นภาพเลวร้ายของโจโฉหาได้เป็นอย่างนั้นไม่แต่กลับเป็นภาพของมหาอำนาจเป็นก๊กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ปลายราชวงศ์ฮั่นและก็เป็นก๊กที่มีทรัพยากรต่างๆทั้งกำลังคนและบุคคลากรที่มากความสามารถที่มีจำนวนมากที่สุดเหนือจ๊กก๊กของตระกูลเล่าและง่อก๊กของตระกูลซุน

1. อัตชีวประวัติของโจโฉ


   โจโฉ ชื่อรองว่า เม่งเต๊ก เขาเป็นบุตรชายของโจโก๋ เกิดเมื่อปี ค.ศ.155 เมื่อวัยเยาว์โดนเรียกจากครอบครัวว่า ‘’อาหม่าน‘’
เดิมทีแล้วบิดาโจโก๋เป็นคนในสกุลแฮหัวซึ่งเป็นสกุลที่สืบทอดเชื้อสายมาจากยอดขุนพลแฮหัวอิ๋นในต้นยุคราชวงศ์ฮั่นเป็นสกุลที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก ดังนั้นโจโฉกับคนสกุลแฮหัวจึงเป็นยาติสนิทใกล้ชิดกัน ต่อมาขันทีใหญ่โจเต็งได้นำมาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมจึงทำให้โจโฉกลายเป็นหลานชายของขันทีใหญ่ไปโดยปริยาย

   ในบั้นปลายชีวิตนั้นโจโฉมีตำแหน่งสูงสุดเมื่อมีชีวิต คือ วุยอ๋อง ในภายหลังบุตรชายของโจโฉ คือ โจผีได้ปลดพระเจ้าเหี้ยนเต้และได้สถาปนาราชวงศ์วุยขึ้นแล้ว ก็ได้ถวายสมัญญานามย้อนหลังให้โจโฉผู้เป็นบิดาให้เป็น ‘’ พระเจ้าวุยบู๊เต้ ‘’

ภาพจากซีรี่ส์สามก๊กปี 1994
ซ้ายเทียหยกขวาโจโฉภาพจากซีรี่ส์สามก๊ก 2010
ภาพวาดสงครามที่เซ็กเพ็กหรืออีกชื่อหนึ่งว่าโจโฉแตกทัพเรือ

2.ไขความอัจฉริยะทางการสงครามของโจโฉ

   โจโฉได้ขึ้นชื่อว่าเป็นนักปกครองและนักบริหารที่เก่งกาจและในอีกมุมที่เป็นมุมของนักวางแผนการรบแล้วโจโฉก็ไม่ได้ด้อยไปกว่านักการสงครามในยุคเดียวกันเลยอีกทั้งยังมีความเจนจัดในตำราพิชัยสงครามเป็นอย่างมากในประเด็นนี้ผู้เขียนจะยกเหตุการณ์ในการทำสงครามที่นำมาซึ่งความเป็นมหาอำนาจของโจโฉในเวลาต่อมาว่ามีเหตุการณ์ใดบ้างที่ทำให้โจโฉกลายเป็นก๊กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สามก๊กและโจโฉได้ใช้คมพิชัยสงคราวด้านใดในการทำศึกเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะ

( ศึกกัวต๋อจุดพลิกผันของโจโฉ )

   ในครั้งหนึ่งที่โจโฉได้ทำศึกกับอ้วนเสี้ยวนั้นเป็นในช่วงที่โจโฉจะกลืนก็ฌไม่ได้จะคลายก็ไม่ออกเพราะเนื่องด้วยทั้งกำลังพลและทรัพยากรของทัพโจโฉนั้นล้วนเป็นรองกองทัพของอ้วนเสี้ยวเป็นอย่างมากจากปัจจัยเหล่านี้จึงทำให้โจโฉลังเลใจที่จะทำศึกยืดเยื้อต่อไปกับอ้วนเสี้ยวดีหรือไม่เพราะการทำศึกยืดเยื้อกับกองทัพที่มีเสบียงมากกว่านั้นย่อมที่จะเสียเปรียบแต่หลังจากที่โจโฉได้ส่งจดหมายไปให้ซุนฮกเพื่อขอคำชี้แนะนั้นซึ่งฮกให้โจโฉให้ตั้งมั่นและรอคอยโอกาสซึ่งมีข้อความ ดังนี้ ‘’ ซุนฮกตอบกลับมาว่า ‘’ให้รอโอกาสข้าศึกเกิดการเปลี่ยนแปลง ‘’ เขาเขียนมาว่า ‘’ ที่ปรึกษามาว่าจะถอยดีหรือไม่นั้น ข้าพเจ้าเห็นว่าอ้วนเสี้ยวสะสมกำลังอยู่ที่กัวต๋อ จะรบเอาแพ้ชนะกับท่าน ท่านใช้ทหารน้อยประจัญหน้ากับทหารมาก ถ้าหากควบคุมไว้ไม่ได้ ข้าศึกก็จะฉวยโอกาส เพราะเป็นโอกาสอันดีของพวกเขา ทหารของอ้วนเสี้ยวแม้จะมาก แต่ใช้ไม่ได้อาศัยสติปัญญาความสามารถของท่าน จะบ่ายหน้าไปทางใดทางนั้นก็จะราบเป็นหน้ากลอง บัดนี้แม้ทหารจะมีน้อยตัวก็จริง ควรยึดพื้นที่ไว้อย่างมั่นคง เสมือนค้ำคอข้าศึกไว้มิให้รุดหน้าเข้ามาได้ เมื่อสถานการณ์หวดเข้า ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลง ถึงเวลานั้นก็เป็นเวลาที่จะทำการรบด้วยความพิสดาร จะปล่อยโอกาสให้ผ่านไปมิได้ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านเป็นที่ตั้ง ‘’

   จากเหตุการณ์ในครั้งนั้นความเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นจริงๆเพราะเขาฮิวได้ย้ายข้างจากอ้วนเสี้ยวมาอยู่กับโจโฉและได้บอกความลับในที่ตั้งเสบียงของทัพอ้วนเสี้ยวให้แก่โจโฉและจากเหตุการณ์นี้นี่เองจึงเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้กองทัพของโจโฉนั้นมีความได้เปรียบกองทัพของอ้วนเสี้ยวขึ้นมาทันทีต้องอย่าลืมว่าหัวใจของการทำสงครามนั้นจะขึ้นอยู่กับเสบียงเพราะถ้ากองทัพไหนไม่มีเสบียงหรือถูกเผาจนสิ้นกองทัพนั้นจะอดตายและทำให้ทหารในกองทัพเสียขวัญในการออกรบทันทีและจากเหตุการณ์ในครั้งนี้กองทัพของอ้วนเสี้ยวจึงถูกตีแตกได้ง่ายและถูกตีกลับไปยังโฮปักจากชัยชนะของโจโฉในศึกกัวต๋อในครั้งนี้จึงทำให้โจโฉขยายอำนาจทางการเมืองเพิ่มมากขึ้นในทางเหนือและจากการมีทั้งกองทัพที่เข้มแข็งและความเฉลียวฉลาดในการทำสงครามของโจโฉนั้นในท้ายที่สุดโจโฉก็สามารถกวาดล้างตระกูลอ้วนได้ในที่สุดและสามารถเป็นใหญ่ในดินแดนภาคกลางและภาคเหนือได้และก็ได้กลายเป็นวุยก๊กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้ในเวลาต่อมาก่อนศึกที่ผาแดงจะอุบัติขึ้นในเวลาต่อมา

3. คมการเมืองของโจโฉ

   โจโฉนอกจากจะเป้นนักการทหารที่เจนจัดในพิชัยสงครามแล้วคมทางการเมืองของโจโฉก็ไม่ได้ด้อยเลยซึ่งจะขอยกเหตุการณ์ในหลายๆเหตุการณ์มาอธิบายถึงความมีศิลปะทางการเมืองของโจโฉมาให้ศึกษากันครับ

3.1 โจโฉยืมดาบฆ่าตั๋งโต๊ะ

   ต้องขอกล่าวก่อนว่าเหตุการณ์ที่โจโฉยืมดาบสั้นจากอ้องอุ้นมาฆ่าตั๋งโต๊ะนั้นเป็นเพียงวรรณกรรมที่ถูกแต่งขึ้นโดยหลอก้วนจงซึ่งในวรรณกรรมสามก๊ก ฉบับ เจ้าพระยาพระคลัง( หน ) ก็ได้แปลจากจากต้นฉบับของหลอก้วนจงแต่จากการแต่งเติมนี้จึงทำให้วรรณกรรมสามก๊กมีสีสันและน่าติดตามอีกทั้งการแต่งเติมนี้จึงทำให้โจโฉกลายเป็นบุคคลที่สามารถพลิกแพลงตามโอกาส เปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี เปลี่ยนจากตายให้กลายเป็นรอดตายได้

3.2 อยากเป็นใหญ่ต้องอย่าถือแค้นเก่า

   ในเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นในช่วงที่โจฉกำลังรวบรวมกองทัพใหม่ๆและต้องการคนเก่งที่มีความสามารถโดยไม่ได้สนใจว่าคนๆนั้นจะเป็นคนดีหรือคนเลวขอเพียงให้สามารถทำงานที่มอบหมายให้ดีที่สุดก็พอซึ่งการบริหารงานแบบนี้ก็เหมือนกับคำที่ว่า ‘’ ไม่สนใจว่าจะเป็นแมวขาวหรือแมวดำขอให้จับหนูได้ก็พอ ‘’ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ก็จะมี 3 เหตุการณ์ที่ชี้ให้เห็นหลักคิดในการบริหารและคมทางการเมืองของโจโฉได้ว่าโจโฉ คือ นักบริหารที่มีความใจกว้างและการเปิดรับคนเก่งมีความสามารถอย่างแท้จริง 

3.2.1 โจโฉรับเตียวสิ้ว

   เตียวสิ้วได้ทำการฆ่าโจงั่งลูกชายคนโตของโจโฉและโจอันบิ๋นหลานชายและรวมไปถึงเตียนอุยยอดขุนพลทหารเสือของโจโฉตายในการรบที่อ้วนเซียจากเหตุการณ์ครั้งนั้นในช่วงเวลาที่เตียวสิ้วไปอ่อนน้อมกับโจโฉ โจโฉก็ไม่ถือโทษโกรธเคือง ในเรื่องเก่าๆอีกทั้งโจโฉยังตั้งให้เตียวสิ้วเป็นขุนพลหยางอู อีกด้วย 


( ประวัติของเตียวสิ้ว )

   เตียวสิ้ว เป็นชาวเมืองจู่ลี้ มณฑลกานซุ มีชื่อรองว่า อู่อุย เป็นหลานของเตียวเจ เป็นคนเข็มเเข็งในการศึกสงคราม มีจิตใจเอ็นดูต่อผู้ตกทุกข์ได้ยาก เมื่อเตียวเจถึงแก่กรรมแล้ว เตียวสิ้วเป็นผู้บัญชาการทหารอยู่เมืองอ้วนเซีย มีการเซี่ยงเป็นที่ปรึกษา

   โจโฉเกรงว่าเตียวสิ้วจะเป็นภัยต่อตน จึงยกกำลังยี่สิบหมื่นไปโจมตี เตียวสิ้วเห็นเหลือกำลัง ก็ยอมอ่อนน้อยแต่โดยดี โจโฉยึดเมืองอ้วนเสียได้แล้ว เอานางเจ๋าซือ อาสะใภ้ของเตียวสิ้วมาเป็นเมีย เตียวสิ้วไม่พอใจ จึงคิดการปราบโจโฉ มอมเหล้าเตียนอุย ทหารเอกของโจโฉฆ่าเสีย แล้วระดมกำลังโจมตีกองทัพโจโฉเป็นการใหญ่ โจโฉก็แตกทัพกลับไป

   เมื่อระดมพลได้ใหม่แล้ว โจโฉก็ยกมาตีเตียวสิ้วอีก แต่เอาชนะไม่ได้ ต้องถอยกลับไปอีกครั้ง ต่อมาโจโฉเตรียมทัพจะไปรบเล่าปี่ที่แคว้นชีจิ๋ว เกรงเตียวสิ้วจะจู่โจมเข้าตีข้างหลังจึงให้เล่าหัวไปเจรจาของปรองดองกับ เตียวสิ้ว เตียวสิ้วกำลังเกรงอ้วนเสี้ยวจะรุกรานอยู่แล้ว ก็ตกลงเข้าร่วมมือกับโจโฉ

   โจโฉจึงตั้งให้เตียวสิ้วเป็นเอี๋ยงอู่เจียงจวิน ( นายพล ) ให้การเซี่ยงเป็นจื่อจวินอู่ ( นายทหารรักษาพระนคร ) ในการออกรบปราบอ้วนเสี้ยวที่กัวต๋อ ( กวนตู้ ) เตียวสิ้วมีความชอบมาก จึงได้เลื่อนยศเป็นพ้อเซียงเจียงจวิน ตายแล้วได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น ติ้งโหว ( พระยา )

3.2.2 ตันหลิมผู้ที่เขียนหนังสือด่าโจโฉจนปวดหัว

   ในเหตุการณ์ครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการทำสงครามจิตวิทยาระหว่างโจโฉกับอ้วนเสี้ยวที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้โดยอ้วนเสี้ยวได้ให้ตันหลิมเขียนหนังสือด่าตระกูลโจโฉแบบชนิดที่ว่าไม่เหลือชิ้นดีไปตาม 18 หัวเมืองจนโจโฉถึงกลับต้องปวดหัวในคำด่าต่างๆนานาที่ตันหลิมได้เขียนด่าจนหลังสิ้นสงครามโจโฉชนะศึกกับอ้วนเสี้ยวโจโฉก็ไม่ได้ถือโทษโกรธตันหลิมแต่กลับแต่งตั้งให้ตันหลิมมารับราชการกับโจโฉในเวลาต่อมาอีกด้วย

( ประวัติของตันหลิม )

   ตันหลิม เป็นชาวเมืองก่วนหลิง ( กองเหลง ) มณฑลเจียงซู มีฉายาว่า ข่งจาง เฉลียวฉลาด รอบรู้ เชี่ยวชาญทางอักษรศาสตร์ เขียนหนังสือไพเราะจับใจ เป็น 1 ใน 7 ของปราชญ์ยุคพระเจ้าเหี้ยนเต้

   ดำรงตำแหน่งจู่ปู้ราชสำนัก ( ตำแหน่งนี้ สามก๊กไทยแปลว่า อาลักษณ์บ้าง สมุห์บัญชีบ้าง สามก๊กอังกฤษแปลว่า Recorder เป็นตำแหน่งสุงสุดตำแหน่งหนึ่งทำหน้าที่ดูแลควบคุมเอกสารราชการทั้งมวล และจดบันทึกเหตุการณ์ของแผ่นดินด้วย ) เป็นผู้ห้ามมิให้โฮจิ๋นเรียกตั๋งโต๊ะเข้ามาปราบขันที่ทั้ง 10 เป็นผู้ห้ามมิให้โฮจิ๋นเข้าไปในวัง โฮจิ๋นไม่เชื่อจึงถูกฆ่าตาย

3.2.3 เผาจดหมายผู้แปรพักตร์

   ในเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ก่อนที่จะสิ้นศึกที่กัวต๋อโดยก่อนการทำศึกขั้นเด็ดขาดนั้นกองทัพของโจโฉค่อนข้างที่จะเสียเปรียบอ้วนเสี้ยวเป็นอย่างมากจึงทำให้บรรดาเหล่าทหารของโจโฉนั้นเกรงกลัวจึงได้เขียนจดหมายไปถึงอ้วนเสี้ยวเพื่อขอสวามิภักดิ์ด้วยอ้วนเสี้ยวเป็นจำนวนมากแต่ภายหลังสิ้นสงครามชัยชนะอยู่ที่โจโฉและได้ค้นเจอจดหมายแปรพักตร์เหล่านี้โจโฉกลับไปถือโทษใดๆ เพราะเข้าใจดีว่าเหตุการณ์ความเสียเปรียบในตอนนั้นเป็นใครก็ต้องกลัวหนำซ้ำโจโฉยังไม่เปิดอ่านและเผาทิ้งจดหมายเหล่านั้นจนสิ้นอีกด้วย

   เราอาจจะสรุปได้อย่างไม่ยากนักว่าโจโฉนอกจากจะเป็นยอดนักผู้เจนจัดในพิชัยสงครามแล้วการเป็นผู้นำที่มีศิลปะทางการเมืองของโจโฉก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าในยุคสามก๊กวุยก๊กของโจโฉนั้นย่อมเป็นก๊กที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สามก๊กได้อย่างไม่ยากเย็น

ค้นคว้าและเขียน โดย ติวเตอร์บูม

( อ้างอิง )

ยศไกร ส.ตันสกุล. ( 2558 ). จดหมายเหตุสามก๊ก ตอน ยอดกุนซือวุยก๊ก. กรุงเทพฯ:แสงดาว

ยศไกร ส. ตันสกุล. ( 2559 ). สี่ยอดผู้นำในสามก๊ก. กรุงเทพฯ:ปันปัญญา

เสถียร จันทิมาธร. ( 2559 ) . วิถีแห่งอำนาจโจโฉ. กรุงเทพฯ:มติชน

บุญศักดิ์ แสงระวี. ( 2547 ). ศิลปะการใช้กลยุทธ์ในสามก๊ก. กรุงเทพฯ:สุขภาพใจ

http://www.thaisamkok.com/ตันหลิม/

http://www.thaisamkok.com/เตียวสิ้ว/

1 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ14 กรกฎาคม 2560 เวลา 08:07

    ติวเตอร์เขียนดีมากเลยครับ ขอชื่นชมและติดตามบทความต่อ ๆ ไปครับ

    ตอบลบ

บทบาทของเตียวเสี้ยนในวรรณกรรมและประวัติศาสตร์

( บทบาทของเตียวเสี้ยนในวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ )    มีข้อกังขามากมายเกี่ยวกับเตียวเสี้ยน 1 ในยอดหญิงงามแห่งประวัติศาสตร์จีนที่มีบทบ...