( วรรณกรรมสามก๊กในบทบาททางชนชั้นนำและการเมือง )
หากจะพูดถึงวรรณกรรมสามก๊กวึ่งเป็นวรรณกรรมอิงประวัติศาสตร์จีนในปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออกที่ทั่วโลกต่างให้การยอมรับกันว่าเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกของโลกนั้นวรรณกรรมสามก๊กนี้ถึงขั้นมีผู้เปรียบเปรยไว้ว่า '' ถ้าไม่อ่านสามก๊กอย่าริทำการใหญ่ '' จริงแท้แค่ไหนวันนี้จะมาหาคำตอบกันถึงบริบทของวรรณกรรมสามก๊กที่มีต่อชนชั้นนำและในมิติทางการเมือง
1. พื้นหลังประวัติศาสตร์สามก๊กฉบับไหนจริงหรือเท็จ
ผู้ที่อ่านสามก๊กหรือติดตามในซีรี่ส์หนังจีนในหลายๆเวอร์ชั่นนั้นหลายคนคงยังไม่รู้ว่าจริงๆแล้ววรรณกรรมสามก๊ก ฉบับ เจ้าพระยาพระคลัง ( หน ) นั้นเป็นวรรณกรรมที่แปลขึ้นมาในสมัยรัชกาลที่ 1 ซึ่งถือได้ว่าเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกเรื่องหนึ่งของโลกเลยก็ว่าได้
แต่ถึงกระนั้นวรรณกรรมสามก๊ก ฉบับ เจ้าพระยาพระคลัง ( หน ) นั้นก็มีความไม่สมบูรณ์เท่าที่ควรจนมีการแปลออกมาในหลายเวอร์ชั่นจนถึงปัจจุบันแต่วันนี้ผมจะเขียนให้ผู้อ่านได้ทราบกันว่าจริงๆ แล้วสามก๊กกว่าจะมาเป็นวรรณกรรมจนถึงปัจจุบันนั้นจะต้องผ่านอะไรบ้างและสามก๊กฉบับไหนที่สามารถนำมาอ้างอิงในทางประวัติศาสตร์ได้และสามก๊กฉบับไหนที่เป็นเรื่องเท็จ 70 เปอร์เซ็นต์
- วรรณกรรมสามก๊กที่เป็นฉบับสมบูรณ์เล่มแรก คือ '' ซานกั๋วจื้อผิงหั้ว ''
- วรรณกรรมสามก๊กฉบับหลอก้วนจงเสริมเติมแต่งจากฉบับสมบูรณ์ คือ '' ซานกั๋วจื้อทงสูเหยี่ยนอี้ ''
- วรรณกรรมสามก๊กที่เหมาหลุนและเหมาจงกังปรับปรุงจากฉบับหลอก้วนจง คือ '' ซานกั๋วเหยี่ยนอี้ ''
สามก๊ก ฉบับ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้นั้นเป็นสามกีกฉบับที่รัชกาลที่ 1 ให้เจ้าพระยาพระคลัง ( หน ) ทรงชำระและแปลเป็นภาษาไทยซึ่งในสมัยนั้นรัชกาลที่ 1 มีพระราชดำรัสให้แปลหนังสือพงศาวดารจีนเป็นภาษาไทย 2 เรื่อง คือ เรื่องไซ่ฮั่นกับสามก๊ก
สามก๊ก ฉบับ ซานกั๋วเหยี่ยนอี้นั้นเป็นสามกีกฉบับที่รัชกาลที่ 1 ให้เจ้าพระยาพระคลัง ( หน ) ทรงชำระและแปลเป็นภาษาไทยซึ่งในสมัยนั้นรัชกาลที่ 1 มีพระราชดำรัสให้แปลหนังสือพงศาวดารจีนเป็นภาษาไทย 2 เรื่อง คือ เรื่องไซ่ฮั่นกับสามก๊ก
- วรรณกรรมสามก๊ก ฉบับ นิทานชาวบ้าน คือ '' ซานกั๋วจื้อผิงหั้ว ''
- สามก๊กฉบับแรกสุดของโลกที่ประพันธ์โดย ตันซิ่วหรือเฉินโซ่ว คือ '' สามก๊กจี่ ( ซานกั๋วจื้อ ) ''
สามก๊กจี่ถือได้ว่าเป็นพงศาวดารสามก๊กที่มีความน่าเชื่อถือที่สุดและสามารถนำมาอ้างอิงในทางประวัติศาสตร์ได้
2. บทบาทของผู้นำในสามก๊กกับมิติทางการเมือง
ในยุคต้นของสามก๊กนั้นขุนศึกในแต่ละหัวเมืองต่างแย่งชิงอำนาจและตั้งตนขึ้นมาเป็นใหญ่อันเนื่องมาจากความอ่อนแอของราชวงศ์ฮั่นตะวันออกจึงเป็นที่มาของความเสื่อมโทรมของราชสำนักจึงทำให้ขุนศึกแต่ละเมืองต่างขึ้นมาเป็นใหญ่และทำสงครามเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์จนต่อมาก็เหลือแค่สามก๊กใหญ่นั่นคือ วุยก๊ก ( โจโฉ ) จ๊กก๊ก ( เล่าปี่ ) ง่อก๊ก ( ซุนกวน ) โดยบุคคลทั้ง 3 นี้ถือได้ว่าเป็นยอดผู้นำในประวัติศาสตร์ยุคสามก๊กที่มีความสามารถเป็นอย่างมากและก็ต่างมีบทบาทในการเฉือนคมทางการเมืองกันค่อนข้างที่มีเอกลักษณ์โดยผู้นำแต่ละคนต่างมีลักษระเฉพาะในทางการเมืองทั้งโจโฉ เล่าปี่และซุนกวน
- สามก๊กฉบับแรกสุดของโลกที่ประพันธ์โดย ตันซิ่วหรือเฉินโซ่ว คือ '' สามก๊กจี่ ( ซานกั๋วจื้อ ) ''
สามก๊กจี่ถือได้ว่าเป็นพงศาวดารสามก๊กที่มีความน่าเชื่อถือที่สุดและสามารถนำมาอ้างอิงในทางประวัติศาสตร์ได้
2. บทบาทของผู้นำในสามก๊กกับมิติทางการเมือง
ในยุคต้นของสามก๊กนั้นขุนศึกในแต่ละหัวเมืองต่างแย่งชิงอำนาจและตั้งตนขึ้นมาเป็นใหญ่อันเนื่องมาจากความอ่อนแอของราชวงศ์ฮั่นตะวันออกจึงเป็นที่มาของความเสื่อมโทรมของราชสำนักจึงทำให้ขุนศึกแต่ละเมืองต่างขึ้นมาเป็นใหญ่และทำสงครามเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์จนต่อมาก็เหลือแค่สามก๊กใหญ่นั่นคือ วุยก๊ก ( โจโฉ ) จ๊กก๊ก ( เล่าปี่ ) ง่อก๊ก ( ซุนกวน ) โดยบุคคลทั้ง 3 นี้ถือได้ว่าเป็นยอดผู้นำในประวัติศาสตร์ยุคสามก๊กที่มีความสามารถเป็นอย่างมากและก็ต่างมีบทบาทในการเฉือนคมทางการเมืองกันค่อนข้างที่มีเอกลักษณ์โดยผู้นำแต่ละคนต่างมีลักษระเฉพาะในทางการเมืองทั้งโจโฉ เล่าปี่และซุนกวน
2.1 อัตชีวประวัติของโจโฉ
โจโฉ ชื่อรองว่า เม่งเต๊ก เขาเป็นบุตรชายของโจโก๋ เกิดเมื่อปี ค.ศ.155 เมื่อวัยเยาว์โดนเรียกจากคร อบครัวว่า ‘’อาหม่าน‘’
เดิมทีแล้วบิดาโจโก๋เป็นคนใ นสกุลแฮหัวซึ่งเป็นสกุลที่ส ืบทอดเชื้อสายมาจากยอดขุนพล แฮหัวอิ๋นในต้นยุคราชวงศ์ฮั ่นเป็นสกุลที่มีชื่อเสียงเป ็นอย่างมาก ดังนั้นโจโฉกับคนสกุลแฮหัวจ ึงเป็นยาติสนิทใกล้ชิดกัน ต่อมาขันทีใหญ่โจเต็งได้นำม าเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรมจึงท ำให้โจโฉกลายเป็นหลานชายของ ขันทีใหญ่ไปโดยปริยาย
ในบั้นปลายชีวิตนั้นโจโฉมีต ำแหน่งสูงสุดเมื่อมีชีวิต คือ วุยอ๋อง ในภายหลังบุตรชายของโจโฉ คือ โจผีได้ปลดพระเจ้าเหี้ยนเต้ และได้สถาปนาราชวงศ์วุยขึ้น แล้ว ก็ได้ถวายสมัญญานามย้อนหลัง ให้โจโฉผู้เป็นบิดาให้เป็น ‘’ พระเจ้าวุยบู๊เต้ ‘’
2.2 คมการเมืองของโจโฉ
โจโฉนอกจากจะเป้นนักการทหาร ที่เจนจัดในพิชัยสงครามแล้ว คมทางการเมืองของโจโฉก็ไม่ไ ด้ด้อยเลยซึ่งจะขอยกเหตุการ ณ์ในหลายๆเหตุการณ์มาอธิบาย ถึงความมีศิลปะทางการเมืองข องโจโฉมาให้ศึกษากันครับ
- โจโฉยืมดาบฆ่าตั๋งโต๊ะ
ต้องขอกล่าวก่อนว่าเหตุการณ ์ที่โจโฉยืมดาบสั้นจากอ้องอ ุ้นมาฆ่าตั๋งโต๊ะนั้นเป็นเพ ียงวรรณกรรมที่ถูกแต่งขึ้นโ ดยหลอก้วนจงซึ่งในวรรณกรรมส ามก๊ก ฉบับ เจ้าพระยาพระคลัง( หน ) ก็ได้แปลจากจากต้นฉบับของหล อก้วนจงแต่จากการแต่งเติมนี้จึงทำให้วรรณกรรมสามก๊กมีส ีสันและน่าติดตามอีกทั้งการ แต่งเติมนี้จึงทำให้โจโฉกลา ยเป็นบุคคลที่สามารถพลิกแพล งตามโอกาส เปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดี เปลี่ยนจากตายให้กลายเป็นรอ ดตายได้
- อยากเป็นใหญ่ต้องอย่าถือแค้ นเก่า
ในเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นในช ่วงที่โจฉกำลังรวบรวมกองทัพ ใหม่ๆและต้องการคนเก่งที่มี ความสามารถโดยไม่ได้สนใจว่า คนๆนั้นจะเป็นคนดีหรือคนเลว ขอเพียงให้สามารถทำงานที่มอ บหมายให้ดีที่สุดก็พอซึ่งกา รบริหารงานแบบนี้ก็เหมือนกั บคำที่ว่า ‘’ ไม่สนใจว่าจะเป็นแมวขาวหรือ แมวดำขอให้จับหนูได้ก็พอ ‘’ จากเหตุการณ์ครั้งนี้ก็จะมี 3 เหตุการณ์ที่ชี้ให้เห็นหลัก คิดในการบริหารและคมทางการเ มืองของโจโฉได้ว่าโจโฉ คือ นักบริหารที่มีความใจกว้างแ ละการเปิดรับคนเก่งมีความสา มารถอย่างแท้จริง
- โจโฉรับเตียวสิ้ว
เตียวสิ้วได้ทำการฆ่าโจงั่ง ลูกชายคนโตของโจโฉและโจอันบ ิ๋นหลานชายและรวมไปถึงเตียน อุยยอดขุนพลทหารเสือของโจโฉ ตายในการรบที่อ้วนเซียจากเห ตุการณ์ครั้งนั้นในช่วงเวลา ที่เตียวสิ้วไปอ่อนน้อมกับโ จโฉ โจโฉก็ไม่ถือโทษโกรธเคือง ในเรื่องเก่าๆอีกทั้งโจโฉยั งตั้งให้เตียวสิ้วเป็นขุนพล หยางอู อีกด้วย
3. อัตชีวประวัติของเล่าปี่
โจโฉ ชื่อรองว่า เม่งเต๊ก เขาเป็นบุตรชายของโจโก๋ เกิดเมื่อปี ค.ศ.155 เมื่อวัยเยาว์โดนเรียกจากคร
เดิมทีแล้วบิดาโจโก๋เป็นคนใ
ในบั้นปลายชีวิตนั้นโจโฉมีต
![]() |
ซ้ายเทียหยกขวาโจโฉภาพจากซีรี่ส์สามก๊ก 2010 |
![]() |
ภาพโจโฉจากซีรี่ส์สามก๊ก 1994 |
โจโฉนอกจากจะเป้นนักการทหาร
- โจโฉยืมดาบฆ่าตั๋งโต๊ะ
ต้องขอกล่าวก่อนว่าเหตุการณ
- อยากเป็นใหญ่ต้องอย่าถือแค้
ในเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นในช
- โจโฉรับเตียวสิ้ว
เตียวสิ้วได้ทำการฆ่าโจงั่ง
3. อัตชีวประวัติของเล่าปี่
เล่าปี่ ชื่อรอง เหี้ยนเต็ก เกิดปี ค.ศ.161 เป็นชาวอิ๋ว เมืองจังโจว
มณฑลฮ่อปัก ( เหอเป่ย ) เชื่อว่าเล่าปี่เป็นผู้สืบทอดสายเลือดมาจาก เล่าเจิ้น
บุตรชายของจงซานจิ้งอ๋อง เชื้อพระวงศ์ชั้นติ้งโหว ผู้ครองเมืองตุ้นกวน
แต่เมื่อมาถึงรุ่นลูกก็เริ่มตกต่ำลงโดนราชสำนักปลดออกจากตำแหน่ง
ต้องใช้ชีวิตยากไร้ดุจสามัญชนเมื่อบิดาสิ้นลง เล่าปี่จึงอยู่กับมารดาเพียงลำพัง
มีอาชีพหลักคือทอเสื่อขาย
ในจดหมายเหตุสามก๊กจะเรียกพระนามของเล่าปี่ว่าเจ้านายพระองค์ก่อน
สาเหตุเพราะตันซิ่ว หรือ เฉินโส่ว ผู้บันทึกจดหมายเหตุ
ต้องการเชิดชูยกย่องเล่าปี่เป็นพิเศษเพราะแม้ว่าตอนที่เขียนผลงานนี้ เฉินโส่วจะเป็นขุนนางของราชวงศ์จิ้นไปแล้วแต่เขาก็ถือว่าเล่าปี่เป็นอดีตเจ้านายของบิดาตน
( บิดาของเฉินโส่วคือตันเซ็ก ขุนพลของจ๊กก๊ก )
จึงไม่แปลกหากว่าในประวัติศาสตร์จะมีความโน้มเอียงที่จะยกย่องเชิดชูเล่าปี่มากกว่าโจโฉ
![]() |
ภาพเล่าปี่จากซีรี่ส์สามก๊ก 2010 |
3.1 ภูมิปัญญาเล่าปี่
3.1 คมการเมืองของซุนกวน
เล่าปี่ใช้ชีวิตกว่าจะมาเป็นใหญ่ได้นั้นต้องพ่ายแพ้ในการศึกสงครามมาหลายต่อหลายครั้งเล่าปี่ในความคิดของผู้เขียนอาจจะเป็นนักวางแผนทางการรบที่ไม่ได้เก่งกาจที่สุดแต่สิ่งที่เป็นจุดแข็งของเล่าปี่ที่สามารถทำให้เล่าปี่มาเป็นใหญ่ได้นั้น
คือ ศิลปะทางการเมืองของเล่าปี่นั่นเอง เล่าปี่อาจจะไม่ใช่คนที่วางแผนหรือเจนจัดในพิชัยสงครามแต่ศิลปะในการใช้คนทำงานแทนตนนั้นถือได้ว่าระดับชั้นเซียนเพราะคนเก่งๆมากมายไม่ว่าจะขงเบ้ง
กวนอู เตียวหุย จูล่ง
ม้าเฉียวและฮองตงบุคคลเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นแนวหน้าในจ๊กก๊กที่ช่วยสร้างอาณาจักรของเล่าปี่ให้เป็นปึกแผ่นโดยคนเหล่านี้ยินดีที่จะรับใช้เล่าปี่แบบถวายชีวิต
ปัจจัยใดที่ทำให้เล่าปี่กลายเป็นคนที่มีชั้นเชิงทางการเมืองที่แหลมคมเช่นนี้วันนี้ผู้เขียนจะมาอธิบายให้ผู้อ่านได้คิดวิเคราะห์ตามกันครับ
- อุดมการณ์นำมาคนเก่งมารับใช้ตน
ในปลายราชวงศ์ฮั่นภายในราชวงศ์ฮั่นนั้นเกิดขุนพลทั้ง 18
หัวเมืองต่างแย่งชิงความเป็นใหญ่แต่ละเมืองต้องการเพียงแค่อำนาจและผลประโยชน์ส่วนตนซึ่งมีส่วนน้อยที่จะทำเพื่อบ้านเมืองอย่างแท้จริงหนึ่งในนั้นก็มีเล่าปี่ชายผู้ที่มีอุดมการณ์ที่ต้องการฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่นในช่วงต้นๆนั้นเล่าปี่ได้ระเหเร่ร่อนไปพึ่งพิงจากคนอื่นๆหลายต่อหลายคนไม่ว่าจะเป็นกองซุนจ้าน
โจโฉและเล่าเปียวแต่จุดเริ่มต้นที่ทำให้เล่าปี่มีชื่อเสียงกระฉ่อนไปทั่วแผ่นดินจีนนั้นก็อยู่ในเหตุการณ์ที่เล่าปี่มาอยู่กับโจโฉในชั่วขณะหนึ่งและได้พบพระเจ้าเหี้ยนเต้จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระปิตุลา
( พระเจ้าอา )
จากเหตุการณ์ในตอนนี้จึงทำให้ประชาชนหลายต่อหลายคนได้ยินชื่อเสียงของเล่าปี่และเป็นที่ยอมรับในเวลาต่อมาอีกทั้งจากจดหมายเลือดที่พระเจ้าเหี้ยนเต้ได้ส่งไปถึงเล่าปี่ด้วยนั้นจึงทำให้เล่าปี่ได้ประกาศเป็นฝ่ายตรงข้ามกับโจโฉในช่วงเวลาต่อมาอีกด้วย
- เยือนกระท่อมขงเบ้ง
3 ครั้ง 3 ครา
การเยือนกระท่อมของเล่าปี่เพื่อไปเชิญขงเบ้งมารับใช้ตนนั้นถือได้ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เป็นจุดพลิกผันของชีวิตของเล่าปี่เลยก็ว่าได้เล่าปี่ถือได้ว่าเป็นเชื้อพระวงศ์และการที่เล่าปี่ใช้ความอ่อนน้อมถ่อมตนโดยไม่ถือยศและเกียรตินั้นย่อมถือได้ว่าเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่ทำให้ขงเบ้งยอดคนแห่งสามก๊กยินยอมที่จะออกจากกระท่อมที่โงลังกั๋งแล้วมารับใช้ยอดผู้นำอย่างเล่าปี่ในเวลาต่อมา
จิตวิทยาอ่อนน้อมถ่อมตนของเล่าปี่นั้นถือได้ว่าสามารถสะกดใจแก่ผู้ที่เล่าปี่หมายปองจะให้มารับใช้ตนได้อย่างเด็ดขาดจริงๆ
บุคคลที่ดดนเล่าปี่ใช้จิตวิทยาแบบนี้ก็ เช่น ชีซี,ฮองตง เป็นต้น
3. อัตชีวประวัติของซุนกวน
ซุนกวน ชื่อรอง ตงเหมา เกิดปี ค.ศ.182
เป็นบุตรชายคนรองของซุนเกี๋ยนกับนางง่อฮูหยิน
มีพี่ชายคือซุนเซ็กซึ่งเป็นขุนศึกชื่อดังของดินแดนกังตั๋ง
ต่อมาซุนเซ็กได้เป็นผู้ทำศึกขยายดินแดนและสร้างรากฐานให้แคว้นง่อก๊กจนสามารถเข้ามามีอิทธิพลครอบคลุมดินแดนกังตั๋งซึ่งเป็นดินแดนทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศจีนได้อย่างเข้มแข็ง
แล้วกลายเป็นแดนปราการที่ไม่มีใครสามารถตีแตกได้เลยจนกระทั่งยืนหยัดอยู่เป็นอาณษจักรสุดท้ายในยุคสมัยสามก๊ก
![]() |
ภาพซุนกวนจากซีรี่ส์สามก๊ก 2010 |
3.1 คมการเมืองของซุนกวน
ซุนกวนผู้นำรุ่นใหม่แห่งสามก๊กที่มีคมความคิดทางการเมืองที่ไม่ธรรมดาอีกคนหนึ่งในประเด็นนี้จะขอยกถึงภูมิปัญญาทางการเมืองของซุนกวนที่ทำให้ซุนกวนสามารถแก้ปัญหาต่างๆได้อย่างชาญฉลาดและจะมีเหตุการณ์ใดบ้างที่แสดงให้เห็นถึงความชาญฉลาดของซุนกวนวันนี้ผู้เขียนจะมาวิเคราะห์ให้ผู้อ่านได้ศึกษาร่วมกันครับ
- ยอมอ่อนเพื่อรอด
เหตุการณ์นี้เป็นช่วงเวลาที่หลังจากกวนอูตายและง่อก๊กก็ได้เมืองเกงจิ๋วมาครองจนทำให้เล่าปี่ผู้พี่ร่วมสาบานถึงกับโกรธแค้นง่อก๊กจนจะยกทัพไปถล่มง่อก๊กให้สิ้นซากแต่คมความคิดของซุนกวนในการเอาตัวรอดในเรื่องนี้มีรายละเอียดว่า
‘’ ซุนกวนยอมก้มหัวเสนอหนังสือสงบศึกต่อเล่าปี่ก่อนและได้โอนอ่อนต่อเล่าปี่ในเรื่องสำคัญๆ
หลายประการ เช่น ยอมส่งซุนฮูหยินกับเซงโต๋
จับตัวบิฮองกับเปาซูหยินซึ่งเป็นผู้สังหารเตียวหุยมัดส่งไปให้และก็มอบเมืองเกงจิ๋วคืนแก่จ๊กก๊กดังเดิมและขอเป็นพันธมิตรกับเล่าปี่ดังเดิม
‘’ แผนการณ์นี้ถือได้ว่าเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาของซุนกวนที่ชาญฉลาดถึงแม้ว่าการเจรจาจะล้มเหลวก็ตามแต่ก็ถือได้ว่าเป็นศิลปะทางการเมืองของซุนกวนที่ต้องการเลี่ยงสงครามในขณะนั้นเพราะว่าวุยก๊กของโจผีนั้นตัวโจผีเพิ่งจะครองราชย์ได้ไม่นานและซุนกวนก็ไม่ต้องการให้วุยก๊กจับมือกับจ๊กก๊กเพื่อมาถล่มง่อก๊กของซุนกวนในการเจรจายอมอ่อนต่อจ๊กก๊กถึงแม้ว่าจะล้มเหลวแต่การเจรจาอ่อนน้อมต่อวุยก๊กกลับประสบความสำเร็จโดยมีเนื้อหา
ดังนี้ ‘’ เมื่อการเสนอขอสงบศึกต่อเล่าปี่ถูกปฏิเสธ
ซุนกวนเห็นว่าสงครามระหว่างจ๊กก๊กกับง่อก๊กมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้แล้วก็รีบจัดการมีหนังสือถึงโจผี
ยอมอ่อนน้อมเป็นข้าราชการบริพาร ยื่นมือไปขอความช่วยเหลือจากโจผี
ต่อมาโจผีก็เลยส่งฑูตมายังง่อก๊ก แต่งตั้งซุนกวนให้เป็นเง่ออ๋องมีเครื่องยศ 9
อย่าง ‘’ ในการย่อมอ่อนน้อมของซุนกวนต่อวุยก๊กนี้คือการเจรจาขอความช่วยเหลือจากวุยก๊กซึ่งถือว่าเป็นการประกันความเสี่ยงที่วุยก๊กจะไม่มาบุกง่อก๊กเพราะซุนกวนคิดไว้แล้วว่าการจำกัดพื้นที่ของสงครามต้องเป็นแค่ง่อก๊กกับจ๊กก๊กเท่านั้นจะไม่มีวุยก๊กเข้ามาเป็นพันธมิตรกับจ๊กก๊กเป็นอันขาด
- ศิลปะทางการฑูตกับเมืองเกงจิ๋ว
เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่เล่าปี่ยืมเมืองเกงจิ๋วแล้วไม่ยอมคืนจนทำให้ซุนกวนโมโหจึงให้ลิบองนำกำลังไปทวงคืนโดยสภาพเหตุการณ์ในตอนนั้นโจโฉได้ปราบเตียวฬ่อแห่งฮันต๋ง
ซุนกวนได้ชักชวนเล่าปี่ให้เข้ายึดเอ๊กจิ๋วด้วยกันแต่เล่าปี่ปฏิเสธเพราะหวังจะยึดเอ๊กจิ๋วไว้คนเดียวซุนกวนโกรธมากจึงส่งขุนนางไปผลัดมือรับตำแหน่งราชการแทนที่เมืองเตียงสา
เลงเหลงและฮุยเอี๋ยง ทั้งสามเมืองแห่งเกงจิ๋วแต่กลับถูกกวนอูขับไล่ออกมา
ซุนกวนโมโหมากจึงส่งลิบองนำกำลังไปทวงคืนเกงจิ๋วลิบองใช้วิธีทางการฑูตในการเจรจาจนเป้นที่มาของกวนอูที่ได้บุกน้ำข้ามทะเลเพื่อมาเจรจากับโลซกตามที่วรรณกรรมได้เขียนไว้อีกทั้งสถานการณ์ในตอนนั้นเล่าปี่ไม่ได้อยากทำสงครามกับง่อก๊กด้วยเพราะกำลังติดศึกกับโจโฉที่เมืองฮันต๋งอยู่
ฉะนั้น การประณีประนอมและยอมยกสามเมืองของเกงจ๋วให้ซุนกวนเพื่อสงบศึกในแดนนี้ คือ
สิ่งที่เล่าปี่จะต้องยอมรับซึ่งซุนกวนก็อ่านเกมส์ทางการเมืองนี้ได้เฉียบขาดจนสามารถได้สามเมืองของเกงจิ๋วมาครองได้สำเร็จโดยที่ไม่ต้องเสียทหารแม้แต่นายเดียว
( ศิลปะทางการบริหารง่อก๊กของซุนกวน )
ซุนกวนถือได้ว่าเป็นผู้นำที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์สามก๊กในการบริหารง่อก๊กนั้นซุนกวนจะต้องอาศัยคนเก่งอย่างมากมายในการช่วยกันสร้างบ้านสร้างเมืองซุ่งหลักการบริหารง่อก๊กของซุนกวนนั้นมี
ดังนี้
- วัดคนที่ความสามารถ
ไม่ถือรุ่น ไม่ถืออายุ
ซุนกวนได้แต่งตั้งให้จิวยี่ซึ่งมีอายุเพียง 34
ปีขึ้นเป็นจอมทัพในการบัญชาการรบต้านโจโฉในสึกเซ็กเพ็กจนทำให้ขุนพลอย่างเทียเถาที่อยู่มานานไม่พอใจแต่ผลสุดท้ายในศึกเซ็กเพ็กนี้ก็เป็นชัยชนะของง่อก๊ก
นี่จึงอาจจะสรุปได้ว่าศิลปะในการใช้คนของซุนกวนและการบริหารคนเก่งคนซุนกวนนั้นถือว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียวดั่งคำกล่าวของซุนเซ็กพี่ชายซุนกวนเคยได้กล่าวไว้ว่า
‘’ ถ้าระแวงก็อย่าใช้ถ้าจะใช้ก็อย่าระแวง ‘’
- รู้จุดเด่นจุดด้อยของลูกน้องและส่งเสริมการพัฒนาตนเอง
ลิบองขุนพลเอกของซุนกวนเกิดในครอบครัวที่ยากจนแต่มีผลงานต่างๆอย่างมากมายแต่เพราะว่าซุนกวนอยากให้ลิบองได้รับการพัฒนาตนเองจึงส่งเสริมให้ลิบองศึกษาพิชัยสงครามและรู้ตำราจนในเวลาผ่านมาลิบองผู้ที่เป็นยอดขุนพลของซุนกวนจากผุ้ไม่รู้หนังสือแต่จากการส่งเสริมของซุนกวนจึงทำให้ลิบองมีความสามารถถึงกับวิเคราะห์สถานกาณ์บ้านเมืองร่วมกับโลซกได้จนทำให้โลซกประหลาดใจ
4. สามก๊กในบริบทของชนชั้นนำ
โจโฉ เล่าปี่และซุนกวน คือ ตัวแทนบทบาททางการเมืองของชนชั้นนำในประวัติศาสตร์จีนยุคสามก๊กเพราะทั้งสามคนนี้คือผู้นำเหล่าปัญญาชน ประชาชนและขุนนางในแต่ละก๊กซึ่งมีอุดมการณ์ในการทำสงครามเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ที่แตกต่างกันซึ่งสามารถแบ่งการวิเคราะห์ออกได้เป็น 3 มิติทางความคิดของผู้นำแต่ละคน
4.1 โจโฉผู้นำหัวก้าวหน้า
ในวรรณกรรมสามก๊กได้เขียนเรื่องราวของโจโฉให้เป็นผู้ร้ายแต่ในความเป็นจริงโจโฉนั้นเป็นผู้นำหัวก้าวหน้าที่เก่งกาจในเรื่องของการบริหารที่สุดคนหนึ่งในยุคสามก๊กซึ่งวิธีการที่โจโฉใช้ในการแย่งชิงความได้เปรียบทางการเมืองก็คือการใช้องค์ฮ่องเต้เป็นเครื่องมือทางการเมืองและใช้ราชโองการของฮ่องเต้บัญญาการเหล่าขุนศึกทั่วแผ่นดินจีนซึ่งถือว่าเป็นวิธีการที่สามารถสร้างความได้เปรียบทางการเมืองเป็นอย่างมากแต่ถึงกระนั้นวิธีการนี้ถึงจะดีเพียงใดแต่ผู้นำอนุรักษ์นิยมอย่างเล่าปี่ก็ไม่ชอบใจอย่างแน่นอนเพราะถือว่าเป็นวิธีการที่ใช้ฮ่องเต้เป็นหุ่นเชิดทางการเมืองของโจโฉเอง
4.2 เล่าปี่ผู้นำอนุรักษ์นิยม
อุดมการณ์ทางการเมืองที่ชัดเจนของเล่าปี่ก็คือการค้ำจุนและกอบกู้ราชวงศ์ฮั่นเพราะว่าเล่าปี่นั้นคือเชื้อสายราชวงศ์ฮั่นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เล่าปี่จะมีความคิดที่เข้าข้างราชสำนักและสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของเล่าปี่ในทางการเมืองก็คือการอ้างความชอบธรรมและคุณธรรมในการปกครองคนซึ่งถือได้ว่ามีความแตกต่างจากโจโฉอย่างสิ้นเชิง
4.3 ซุนกวนผู้นำแบบเสรีนิยม
ซุนกวนได้ชื่อว่าเป็นผู้นำที่อายุน้อยที่สุดในยุคของสามก๊กและก็เป็นทายาทรับสมบัติจากซุนเกี๋ยนผู้เป็นพ่อให้เป็นใหญ่ในง่อก๊กต่อจากซุนเซ็กผู้พี่โดยซุนกวนนั้นเป็นผู้นำที่ดำเนินเกมส์การเมืองโดยอาศัยความเป็นจริงของสภาพการณ์ปัจจุบันซุนกวนต้องบริหารเหล่าขุนนางและแม่ทัพในง่อก๊กที่มีทั้งอายุน้อยกว่าตนและมากกว่าตนดดยไม่ถือรุ่นหรืออายุแต่ซุนกวนใช้คนตามความสามารถและให้อำนาจอย่างเต็มที่ในการบริหารกิจการบ้านเมืองตัวอย่างที่ชัดเจน คือ กรณีให้อำนาจทางการทหารแก่จิวยี่หรือการให้อำนาจแก่เตียวเจียวในการบริหารกิจการภายใน เป็นต้น
หมายเหตุ / เตียวเจียวในช่วงก่อนศึกเซ้กเพ็กนั้นเตียวเจียวคือผู้ที่สนับสนุนให้ซุนกวนยอมสวามิภักดิ์แก่โจโฉซึ่งยกทัพมาหมายที่จะยึดง่อก๊กแต่ซุนกวนคำนึงในความสามารถและความรู้ที่เตียวเจียวมีความรู้ในการบริหารภายในง่อก๊กมากที่สุดซุนกวนจึงไว้ใจให้เตียวเจียวเป็นผู้บริหารภายในง่อก๊กต่อไปในช่วงศึกสงครามเซ้กเพ็ก
ดังนั้น จากการบริหารง่อก๊กของซุนกวนนั้นที่มีทั้งแนวคิดแบบก้าวหน้าและให้อิสระแก่ขุนนางและแม่ทัพในการปฏิบัติงานของตนอย่างเต็มที่นั้นจึงถือได้ว่าซุนกวนคือผู้นำแบบเสรีนิยมอย่างแท้จริง
ติวเตอร์บูม เขียนและค้นคว้า
อ้างอิง
- ยศไกร ส. ตันสกุล. ( 2559 ). สี่ยอดผู้นำในสามก๊ก. กรุงเทพฯ:ปันปัญญา
- บุญศักดิ์ แสงระวี. ( 2542 ). บริหารงานด้วยกลยุทธ์สามก๊ก.
กรุงเทพ ฯ:สุขภาพใจ
- ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์. ( 2555 ).
อ่านสามก๊กถกยอดคน. กรุงเทพ:บุ๊คสไมล์
- หลี่อันสือ. ( 2557 ). สงครามสามก๊ก
26 ยุทธวิธีสู่ชัยชนะ. กรุงเทพ ฯ:มติชน
- เสถียร จันทิมาธร. ( 2559 ) . วิถีแห่งอำนาจโจโฉ. กรุงเทพฯ:มติชน
- บุญศักดิ์ แสงระวี. ( 2547 ). ศิลปะการใช้กลยุทธ์ในสามก๊ก . กรุงเทพฯ:สุขภาพใจ
- บุญศักดิ์ แสงระวี. ( 2547 ). ศิลปะการใช้กลยุทธ์ในสามก๊ก
- กรรณิการ์ สาตรปรุง. ( 2541 ). ราชาธิราช สามก๊กและไซ่ฮั่นโลกทัศน์ชนชั้นนำไทย. กรุงเทพฯ:สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย,โครงการหนังสือชุด '' ประเทศเพื่อนบ้านของไทยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ '' มูลนิธิโครงการสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์
- ทองแถม นาถจำนง. ( 2542 ). ขุนพลสามก๊ก. กรุงเทพฯ:สุขภาพใจ
- ยศไกร ส.ตันสกุล. ( 2558 ). จดหมายเหตุสามก๊ก ตอน ยอดกุนซือจ๊กก๊ก. กรุงเทพฯ:แสงดาว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น