เผยความอัจฉริยะจอมคนสุมาอี้
ตระกูลโจ เล่า ซุน
รบกันแทบตายสุดท้ายตระกูลสุม่าก็ได้ครองแผ่นดินคำๆนี้ถ้าใครที่เคยได้อ่านวรรณกรรมอย่างสามก๊กก็จะเข้าใจดีว่าในยุคปลายราชวงศ์ฮั่นนั้นได้เกิดความยุ่งเหยิงราชวงศ์ฮั่นอ่อนแอขุนนางมามีอำนาจขุนพลแต่ละหัวเมืองตั้งตนเป็นใหญ่แย่งชิงอำนาจกันจากหลายหัวเมืองแย่งชิงดินแดนจนสุดท้ายก็มาเหลือเพียงแค่สามก๊กนั่น
คือ จ๊กก๊ก
วุยก๊กและง่อก๊กแต่วันนี้ผู้เขียนจะไม่ได้มาเล่าเรื่องราวของสามก๊กทั้งหมดแต่จะขอหยิบยกตัวละครที่มีชีวิตจริงในประวัติศาสตร์จีนซึ่งเป็นผู้ที่ได้วางรากฐานของราชวงศ์จิ้นไว้ตั้งแต่ต้นก่อนที่สุมาเอี๋ยนรุ่นลูกรุ่นหลานของสุมาอี้จะได้รวบรวมแผ่นดินจีนที่แตกแยจกออกเป็นสามก๊กและได้สถาปนาราชวงศ์จิ้นในเวลาต่อมาและในวันนี้ผู้เขียนจะมาเผนยถึงอัตชีวประวัติของสุมาอี้พร้อมเผยให้เห็นถึงความอัจฉริยะและกึ๋นกระโหลกเพรชของชายผู้นี้ผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าได้เกิดมาเพื่อสยบมังกรหลับอย่างขงเบ้งและเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังของการสร้างอำนาจทางการเมืองในวุยก๊กผู้ที่สามารถตบตาจอมคนอย่างโจโฉได้
1.
อัตชีวประวัติของสุมาอี้
จากชีวประวัติจากจดหมายเหตุสามก๊ก ‘’ ซานกว๋อจื้อ ‘’ ซึ่งประพันธ์และเรียบเรียงโดยเฉินโส่วได้กล่าวถึงชีวประวัติของสุมาอี้
หรือ ซือหม่ายี่ไว้ว่า สุมาอี้ หรือ ซือหม่ายี่มีชื่อรองว่า จ้งตะได้เกิดเมื่อปี
ค.ศ.179 เป็นชาวเมืองเฮอไน มณฑลเหอหนาน
เฉินโส่วได้บันทึกเรื่องราวของสุมาอี้ไว้ในจดหมายเหตุราชวงศ์จิ้นไว้ สุมาอี้เป็นบุตรชายคนรองของสุมาฮอง ผู้สืบทอดตระกูลขุนนางชั้นสูงแห่งเมืองเฮอน
มีบุคลิกโดดเด่น แววตาคมดุจเหยี่ยว ท่วงท่าฉลาดปราดเปรียว
ศรีษะสามารถเหลียวหลังสุดประดุจดั่งหมาป่ากำลังเหลียวหลัง
สุมาอี้มีพี่น้องทั้งหมด 8 คน
พวกเขาได้รับยกย่องว่ามีสติปัญญาและความสามารถมาก โดยเรียกรวมกันว่า
แปดสุมาผู้ยิ่งยง
2.
คมในฝักต้องสุมาอี้
ในประเด็นนี้ผู้เขียนจะขอหยิบยกเหตุการณ์ทั้งการเมืองภายในวังและการออกรบของสุมาอี้ว่าคมทางการเมืองของสุมาอี้นั้นได้ใช้ยุทธวิธีใดในการได้มาซึ่งการขยายอิทธิพลทางการเมืองในวุยก๊กและก็จะอธิบายถึงยุทธวิธีที่สุมาอี้สามารถเอาชนะการสึกกับขงเบ้งได้ในที่สุด
2.1
คมการเมืองสุมาอี้
ในหัวข้อนี้จะขอหยิบยกหลังเหตุการณ์สิ้นสุดสงครามที่ผลสุดท้ายขงเบ้งต้องตายลงไปจากการกุมงานหนักและชัยชนะก็ตกมาที่สุมาอี้ชายผู้ที่อดทนนานหลังสิ้นสงครามครั้งนี้เหล่าขุนพลต่างๆรวมทั้งพระเจ้าโจยอยต่างให้ความเคารพนับถือสุมาอี้เป็นอย่างมากถึงขนานมอบกระบี่อาญาสิทิ์ให้เป็นแม่นมั่นนั่นก็เท่ากับว่าการควบคุมกองทัพและอำนาจก็ย่อมต้องตกไปอยู่ในมือสุมาอี้และหลังสงครามกับจ๊กก๊กอำนาจทางการเมืองที่แท้จริงก็ต้องมาอยู่ที่สุมาอี้พระเจ้าโจยอยก็ไม่ต่างอะไรกับฮ่องเต้หุ่นเชิดในเวลาต่อมาและกลวิธีทางการเมืองของสุมาอี้ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการขยายอำนาจของตระกูลตนเองออกไปนั้นการแต่งตั้งบุคคลในตระกูลตนเองและคนพรรคพวกของตนเองไปประจำในตำแหน่งสำคัญๆ
นั้นคือวิธีการที่สุมาอี้ใช้และเมื่อเป็นเช่นนี้ระยะเวลาผ่านไปความเข้มแข็งของอิทิพลและอำนาจทางการเมืองของสุมาอี้ก็เพิ่มมากยิ่งขึ้นและเป็นผลต่อรุ่นลูกรุ่นหลานไม่ว่าจะยุคสุมาเจียวและสุมาสูและมาถึงยุคของสุมาเอี๋ยนผู้ที่สามารถรวบรวมแผ่นดินจีนและสถาปนาราชวงศ์จิ้นได้ในที่สุด
( เกมส์การเมืองแกล้งป่วยของสุมาอี้ )
โจฮองขึ้นครองราชย์แทน
สุมาอี้ถูกตระกูลโจถอดออกจากตำแหน่งไปอยู่บ้านเฉย ๆ เพราะไม่ไว้ใจในความซื่อสัตย์ของสุมาอี้
แม้สุมาอี้จะถูกปลดเป็นเวลานานถึง 10
ปีแล้วแต่ก็ยังคงฝึกการต่อสู้และมีบารมีในกองทัพอยู่
โจซองก็ยังไม่ไม่ไว้ใจสุมาอี้อยู่จึงส่งคนไปจับตาดูแต่สุมาอี้ได้แกล้งป่วยอาการทรุดหนักทำให้โจซองตายใจไม่หวาดระแวงอะไร
แต่ท้ายที่สุดก็ทำการรัฐประหารในเมืองลกเอี๋ยง โค่นอำนาจที่คุมกองทัพของตระกูลโจ
ที่นำโดยโจซอง บุตรชายของอดีตแม่ทัพใหญ่โจหยิน หมดสิ้น
และเป็นตระกูลสุมาที่ได้ขึ้นมาครองอำนาจแทน
2.2
ความฉลาดทางด้านการทหารของสุมาอี้
นอกจากสุมาอี้จะมีไหวพริบทางการเมืองที่ฉลาดหลักแหลมแล้วในทางการทหารก็มีไม้แพ้กันในประเด็นนี้จะหยิบยกศึกสงคราม
2
เหตุการณ์ที่แสดงถึงความอัจฉริยะของสุมาอี้มาอรรถาธิบายและวิเคราะห์ถึงวิธีการและยุทธิวิธีที่สุมาอี้ใช้ในการทำศึก
2.2.1 สมาอี้กับศึกที่เกเต๋ง
ในศึกครั้งนี้ม้าเจ๊กได้รับคำสั่งให้ไปปกป้องเกเต๋งแต่เสือตำราอย่างม้าเจ๊กหรือจะสู้จิ้งจอกเฒ่าผู้เจนจัดทั้งตำราและการปฏิบัติจริงม้าเจ๊กได้สั่งให้ทหารยึดที่สูงตามตำราพิชัยสงครามโดยขาดการประยุกต์ใช้โดยคิดว่าการศึกครั้งนี้ทัพจ๊กก๊กจะได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ที่เหนือกว่าแต่ในการรบจริงหาได้เป็นอย่างนั้นไม่ทัพวุยไม่ยอมขยับทัพใดๆเพียงแต่ล้อมเชิงเขาไว้และยิงเกาทัณฑ์ขึ้นไปบนเขาเท่านั้นทหารของม้าเจ๊กล้มตายเป็นจำนวนมากและถอยทัพกลับขึ้นไปเป็นอย่างนี้อยู่
10 กว่าครั้งส่วนทางด้านวุยก๊กก็ได้เพิ่มกำลังทหารล้อมเชิงเขาไว้มากยิ่งขึ้นสุมาอี้ได้ตัดแหล่งน้ำของจ๊กก๊กโดยไม่ปล่อยให้ทหารจ๊กก๊กลงมาตักน้ำส่วนฝ่ายทหารของจ๊กก๊กก็หุงหาอาหารไม่ได้และก็ทำให้กองทัพต้องวุ่นวายเพราะไม่มีอาหารจะกิน
ผลสุดท้ายจากความวุ่นวายครั้งนี้เหล่าทหารจ๊กก๊กต่างทิ้งอาวุธแล้วหนีลงเขาไปยอมจำนน
ผลสุดท้ายเมื่อม้าเจ๊กรู้ตัวว่าจะพ่ายแพ้ม้าเจ๊กจึงบุกทะลวงลงไปทางช่องเขาแล้วหนีเตลิดไปในท้ายที่สุดการศึกครั้งนี้สุมาอี้จึงเป็นฝ่ายได้ชัยชนะไปแบบง่ายดาย
2.2.2 สุมาอี้กับการศึกกับขงเบ้ง ครั้งที่ 6
ในการศึกครั้งนี้ขงเบ้งได้ยกทัพไปบุกวุยก๊กเป็นครั้งที่
6 การศึกครั้งนี้สุมาอี้รู้ความคิดของขงเบ้งที่ว่าขงเบ้งจะต้องรีบจบศึกให้ไวที่สุดอันเนื่องจากเพราะการขาดแคลนเสบียงทีมีปัญหาในการขนส่งเสีบงจากแดนไกลการศึกครั้งนี้วุยก๊กได้เปรียบทางยุทธศาสตร์เพราะรบในถิ่นตนเองและมีทรัพยากรต่างๆสนับสนุนเป็นจำนวนมากตรงกันข้ามทัพจ๊กก๊กที่นำโดยขงเบ้งกลับมีทรัพยากรต่างๆที่ด้อยกว่าและมีปัญหาทางด้านขนส่งเสบียงถึงแม้ในตอนท้ายขงเบ้งจะคิดค้นโคยนต์ขนส่งเสียงได้แต่ปัจจัยสนับสนุนอื่นๆก็ยังเป็นรองวุยก๊กอยุ่มากการศึกครั้งนี้สุมาอี้ได้ใช้ยุทธวิธีการรบแบบยืดเยื้อ
คือ
ไม่ยอมออกรบตั้งทัพอยุ่แต่ในค่ายถึงแม้ว่าขงเบ้งจะส่งจดหมายไปเยาะเย้ยต่างๆนานๆหรือถึงขั้นส่งชุดผู้หยิงไปให้สุมาอี้ใส่แต่สุมาอี้ก็ข่มใจอดทนต่อการยั่วยุได้อย่างมั่นคงในท้ายที่สุดขงเบ้งก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้จนสุดท้ายต้องมาป่วยตายจากการกุมงานหนักมาทั้งชีวิตและก็ต้องจบชีวิตตนเองในการมาบุกวุยกีกเป็นครั้งที่
6 นี้อย่างสงบ
สรุป
สุมาอี้จอมคนแห่งยุคสามก๊กนั้นเป็นบุคคลที่มีความอัจฉริยะทั้งในด้านการเมืองและการทหารเป็นอย่างมากอีกทั้งยังเป็นบุคคลที่วางรากบานให้ตระกูลสุม่าก่อนที่สุมาเอี๋ยนจะรวบรวมแผ่นดินจีนจนสถาปนาราชวงศ์จิ้นได้ในที่สุดเราอาจจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสุมาอี้คือผู้ชนะในสามก๊กที่แท้จริง
( อ้างอิง )
เสถียร จันทิมาธร. ( 2557 ). วิถีแห่งอำนาจสุมาอี้.
กรุงเทพมหานคร:มติชน.
ยศไกร ส.ตันสกุล. ( 2558 ).
จดหมายเหตุสามก๊ก ตอน ยอดกุนซือวุยก๊ก. กรุงเทพฯ:แสงดาว
วิกิพีเดีย. ( 2560 ). สุมาอี้, 30 เม.ย. 2560. โจฮองขึ้นครองราชย์แทน
สุมาอี้ถูกตระกูลโจถอดออกจากตำแหน่งไปอยู่บ้านเฉย ๆ เพราะไม่ไว้ใจในความซื่อสัตย์ของสุมาอี้.
https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B9%89
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น