วันพุธที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

ศิลปะการเมืองในสามก๊ก


( ศิลปะการเมืองในสามก๊ก )


   เมื่อพูดถึงวรรณกรรมสามก๊กเราอาจจะมองเห็นได้ว่าวรรณกรรมสามก๊กนี้สามารถที่จะเป็นแม่บทของหลักการทางการเมืองได้ในหลายๆแง่ไม่ว่าจะทั้งในแง่ของศิลปะบริหารหรือศิลปะทางการเมืองและอีกหลากหลายศิลปะที่วรรณกรรมชิ้นนี้ได้สอดแทรกเนื้อหาและหลักการต่างๆไว้อย่างมากมาย และวรรณกรรมสามก๊กได้สอดแทรกหลักการอะไรไว้บ้าง วันนี้ข้าพเจ้าจะมาอธิบายถึงหลักการในวรรณกรรมสามก๊กให้ได้อ่านกัน

1. หลักการบริหาร

   วรรณกรรมสามก๊กนั้นได้สอดแทรกถึงหลักการบริหารไว้อย่างไม่สามารถที่จะแยกออกจากกันได้ เช่น ในเรื่องของการจัดองค์กรที่ในวรรณกรรมสามก๊กนั้นได้เอาประวัติศาสตร์ในปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออกซึ่งในยุคนั้นเป็นยุคแห่งความอ่อนแอของราชวงศ์ฮั่น โดยการจัดองค์กรในสมัยโบราณนั้นก็จะใช้ระบบแบบศักดินาที่มีฮ่องเต้เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในรัฐแต่ในทางกลับกันประวัติศาสตร์ในยุคสามก๊กนั้นองค์ฮ่องเต้กลับไม่มีอำนาจที่จะแรกได้ว่าแทบไม่มีอยู่เลยโดยอำนาจส่วนใหญ่กลับไปอยู่ที่ขุนนางกังฉินที่คอยแต่จะสร้างความตกต่ำให้แก่บ้านเมืองในยุคนั้น และตัวอย่างของขุนนางที่มีอำนาจและคอยทำลายบ้านเมืองที่เป็นแบบอย่างได้อย่างชัดเจนก็คือ เหล่าสิบขันที(十常侍) หรือ ตั๋งโต๊ะ(董卓) เป็นต้น

   ในวรรณกรรมสามก๊กก็ยังได้สอนถึงหลักการในการใช้คนในองค์กรไว้อีกด้วยซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าหลักจิตวิทยาในฝั่งตะวันออกนั้นก็ไม่แพ้ของตะวันตกเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นจุดเด่นในการใช้คนของโจโฉที่ไม่ได้สนว่าคนที่ตัวเองใช้นั้นจะเป็นคนดีหรือคนเลวแต่ขอทำงานที่ได้รับมอบหมายนั้นสำเร็จเป็นพอซึ่งเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับหลักการทางการเมืองของจีนในยุคของ เติ้ง เสี่ยว ผิง แล้วจึงมีความเหมือนอย่างชัดเจน ด้วยวาทะกรรมอมตะที่ว่า ไม่ว่าจะเป็นแมวขาวหรือแมวดำขอให้จับหนูได้เป็นพอ ตัวอย่างนึงของหลักการบริหารอย่างนึงที่โจโฉ(曹操)สามารถที่จะรวบรวมคนเก่งมีฝีมือให้มารับใช้ตนได้อย่างนึงคือ การให้ยศศักดิ์และเงินทอง ซึ่งเมื่อเรามาดูให้ลึกแล้วเราจะเห็นว่าในการที่เอาผลประโยชน์ เงินทอง ยศศักดิ์มาเป็นตัวล่อคนเก่งแล้วมันจะเป็นจิตวิทยาอย่างหนึ่งที่ตอบสนองต่อความต้องการของมนุษย์พอดีและโจโฉก็ใช้หลักการนี้เองในการนำคนเก่งมีฝีมือเข้ามาสวามิภักดิ์กับตน และเมื่อโจโฉสามารถมีคนเก่งเข้าร่วมแล้วโจโฉก็จะใช้คนเก่งชวนคนเก่งเข้าร่วมอีกทอดหนึ่ง ตัวอย่างที่ชัดเจน คือ ซุนฮก(荀彧)ชวน กุยแก(郭嘉)เข้ามารับใช้โจโฉและก็ใช้คนเก่งชวนคนเก่งต่อๆมาเป็นทอดๆ เป็นต้น

2. หลักการพิชัยสงครามทางทหาร

   วรรณกรรมสามก๊กนั้นไม่ได้พูดถึงแค่ในแง่ของหลักการบริหารเท่านั้น ทว่าในการสงครามนั้นก็ได้แฝงไว้อย่างมายมายแทบตลอดทั้งเรื่องเพราะว่าสามก๊กนั้นในช่วงหลังๆนั้นเจ้าเมืองเล็กเมืองน้อยก็ได้ถูก โจโฉ(曹操) เล่าปี่(劉備) ซุนกวน(孫權) ไปรวบรวมดินแดนจนสามารถที่จะสร้างความเป็นใหญ่กลายเป็นสามก๊กในยุคต่อมาได้

ตัวอย่างสงครามตามตำราพิชัยสงคราม ( ศึกเซ็กเพ็ก หรือศึกผาแดง)
ศึกผาแดง(赤壁之戰) คือ ตัวอย่างของการสงครามที่สวยงามที่เกิดขึ้นเพราะก่อนที่ศึกเซ็กเพ็กจะเกิดขึ้นนั้นแต่ล่ะฝ่ายทั้งฝ่าย วุยก๊ก ก็ได้วางแผนที่จะลงใต้โดยมีกองทหารที่มากกว่าของ ทัพซุนกวนกับเล่าปี่รวมกัน แต่เนื่องด้วยแผนการที่จิวยี่(周瑜)กับขงเบ้งได้ร่วมกันคิดนั้นที่ก่อนจะเปิดศึกก็ได้ใช้กลอุบายบั่นทอนความเข้มแข็งของวุยก๊กก่อนที่จะเกิดศึกเซ็กเพ็กจึงทำให้ความได้เปรียบของวุยก๊ก(魏國)นั้นถูกลดทอนลงมาจนถึงสงครามจริงๆทั้งบริบทสภาพแวดล้อมของทางใต้ที่เอื้ออำนวยแก่ 

ง่อก๊ก(吳國) และ จ๊กก๊ก(蜀國) ความได้เปรียบก็มาอยู่ที่พันธมิตร จ๊กก๊ก ง่อก๊ก จนสุดท้ายชัยชนะก็ตกมาอยุ่ที่ฝ่ายของ จ๊กก๊กและง่อก๊ก

   ในก่อนสงครามเซ็กเพ็กนั้นการวิเคราะห์ของศัตรูและฝั่งตรงข้ามนั้นได้เข้าหลักการของตำราพิชัยสงครามซุนวูในหลักของการ ประเมินศึก ซึ่งไม่ว่าจะ จิวยี่(周瑜) ขงเบ้ง(孔明) หรือโจโฉ( 曹操 )ก็ต่างได้ประเมินความเป็นไปได้ในการทำสงครามว่าฝ่ายตนเองจะชนะหรือไม่

ตัวอย่างสงครามตามตำราพิชัยสงคราม (ก่อนศึกกัวต๋อ กรณี กุยแก วิเคราะห์)

ในสงครามกัวต๋อ(官渡之戰)ซึ่งเป็นศึกระหว่างโจโฉ กับ อ้วนเสี้ยว(袁紹)นั้นโจโฉได้เป็นกังวลอย่างมากในก่อนทำศึกด้วยเหตุผลที่ว่าทัพของโจโฉนั้นมีน้อยกว่าอ้วนเสี้ยวถึงสิบเท่า และกุยแกนี่เองก็ได้วิเคราะห์ถึงข้อดีข้อเสียของทัพโจโฉและอ้วนเสี้ยวที่จะบอกถึงความได้เปรียบเสียเปรียบก่อนทำศึกจริงซึ่งจะสามารถบ่งบอกได้ว่าทัพใครที่สามารถที่จะมีชัยได้มากกว่ากัน

อ้วนเสี้ยวภาพจากซีรี่ส์สามก๊ก 2010

( บทวิเคราะห์ของกุยแก )

- อ้วนเสี้ยวนั้นเป็นคนเจ้ายศเจ้าอย่าง มีพิธีรีตรองมาก ส่วนตัวท่านไม่ถือเนื้อถือตัว ถืออย่างคนธรรมดาสามัญทั่วไ

- อ้วนเสี้ยวเป็นคนชอบขัดคอคนและโอหัง แต่ท่านเป็นคนประนีประนอม รู้จิตใจคน

- นับแต่พระเจ้าฮวนเต้(漢桓帝) กับ พระเจ้าเลนเต้(漢靈帝)เป็นต้นมา การบ้านเมืองถูกปล่อยปละละเลยตามยถากรรม อ้วนเสี้ยวก็ไม่เอาธุุระ ส่วนท่านเอาจริงเอาจังเด็ดขาด ทำให้งานเดินดีอยู่เสมอ

- อ้วนเสี้ยวเป็นคนหน้าซื่อใจคด ปากดี ใจร้าย จะทำอะไรก็เห็นแต่ญาติพี่น้องของตัวเท่านั้น ส่วนท่านภายนอกดูง่าย ภายในก็สะอาดเปิดเผย รู้จักใช้คนดีมีสติปัญญาสามารถ

- อ้วนเสี้ยวเป็นคนมีอุบายมากแต่ความเด็ดขาดมีน้อย ส่วนท่านเป็นคนตัดสินใจเด็ดขาดและถูกต้อง

- อ้วนเสี้ยวชอบแต่คนที่มีหน้ามีตา มีชื่อเสียง ส่วนท่านนั้นใครดีก็ชอบ ไม่เห็นแก่ชื่อเสียงเป็นใหญ

- อ้วนเสี้ยวเลี้ยงแต่คนใกล้ชิด ใครอยู่ห่างก็ไม่เอาใจใส่ ส่วนท่านนั้นเลี้ยงคนซึ่งอยู่ใกล้หรือไกลเสมอหน้ากัน สุดแต่คุณความสามารถ

- อ้วนเสี้ยวชอบฟังแต่คำยุให้รำตำให้รั่ว และเชื่อผิดทำผิด ส่วนท่านนั้นถึงใครจะยุแหย่ถึงปานใดท่านก็เป็นตัวของท่านเองเสมอ ใคร่ครวญเหตุผลด้วยตัวเอง

- อ้วนเสี้ยวแยกผิดแยกถูกไม่เป็น มักเอาผิดเป็นถูก เอาถูกเป็นผิด คละเคล้าปะปนกันไปหมด ส่วนท่านนั้นปฏิบัติตามก๊กหมายและระเบียบข้อบังคับอย่างเคร่งครัด จึงปกครองคนได้เป็นอย่างดี

- อ้วนเสี้ยวไม่รู้แจ้งในกลศึกและพิชัยสงคราม ส่วนท่านั้นเป็นยอดในการรบ ถ้ามีกำลังน้อยก็สามารถเอาชนะข้าศึกผู้มีกำลังมากได้

( ผลสุดท้ายชัยชนะของสงครามระหว่างโจโฉกับอ้วนเสี้ยวก็ตกเป็นของฝ่ายโจโฉตลอดมา )

3. หลักการเมืองการปกครอง

ในสามก๊กนั้นศิลปะในการปกครองก็มีส่วนสำคัญในการสร้างความยิ่งใหญ่ให้แต่ล่ะกีกอีกเช่นกันโดยผู้ปกครองในแต่ล่ะก๊กต่างก็มีจุดเด่นในการปกครองที่แตกต่างกัน

- โจโฉ ปกครองโดยการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางแต่มีการแบ่งงานกันทำ

- เล่าปี่ ปกครองคนโดยใช้คุณธรรมครองใจคน

- ซุนกวนปกครองคนโดยสามารถผสานความต่างของขุนศึกซึ่งมีอายุที่แตกต่างกันและให้ความสำคัญรวมถึงเอาใจใส่ขุนศึกทุกคนเป็นอย่างดี

( หลักการหานเฟยกับกรณีม้าเจ็กกับขงเบ้ง )

   หลักการของหันเฟย(韓非)นั้นจะเน้นในความเข้มงวดของกฏหมายเป็นหลักซึ่งจุดประสงค์นั้นก็เพื่อความเด็ดขาดของกฏหมายในการลงโทษผู้กระทำความผิดและในกรณีของม้าเจ็ก(馬謖)ที่อาสาไปรักษาเมืองเกเต๋ง(街亭)แต่สุดท้ายด้วยความที่ม้าเจ็กประมาทคู่ต่อสู้จึงทำให้แพ้ศึกมาแต่เนื่องด้วยการรับปากของม้าเจ็กกับขงเบ้งที่ว่าถ้าแพ้ศึกมานั้นจะต้องถูกลงโทษทางวินัยทหารซึ่งโทษของการแพ้ศึกนั้นคือการประหารชีวิต และขงเบ้งเองด้วยความที่ต้องยึดกฏหมายไว้ก่อนจึงต้องสั่งประหารชีวิตม้าเจ็กไปด้วยทั้งน้ำตานั้นก็เป็นตัวอย่างที่ดีในการสร้างบรรทัดฐานและแบบอย่างของความเด็ดขาดของแม่ทัพในการทำศึกและความเด้ดขาดนี้นี่เองก็จะเป็นปัจจัยที่จะทำให้กองทัพนั้นมีเอกภาพและความเข้มแข็ง

สรุป วรรณกรรมสามก๊กนั้นมีคุณค่าแก่การศึกษาต่อศาสตร์หลายๆด้านโดยแท้ไม่ว่าจะทั้งการบริหาร การเมืองการปกครอง หรือการทหารก็ตาม เพราะว่าหลักการต่างๆเหล่านี้นั้นได้แฝงไปด้วยข้อคิดและหลักการเมืองการปกครองต่างๆไว้อย่างมากมายซึ่งเหมาะแก่การศึกษาเป็นแม่นมั่น

ซ้ายอองเป๋งขวาม้าเจ๊กภาพจากซีรี่ส์สามก๊ก 2010


Poonsak Liurat พิสูจน์อักษรภาษาจีน

( อ้างอิง )

- บุญศักดิ์ แสงระวี. ( 2541 ). ศิลปะการใช้คนในสามก๊ก.กรุงเทพ:สุขภาพใจ.
- ทองแถม นาถจำนง. ( 2555 ). กลยุทธ์สามก๊ก.นนทบุรี:ศรีปัญญา.
- บุญศักดิ์ แสงระวี. ( 2552 ). ตำราพิชัยสงครามซุนวู.กรุงเทพ:สุขภาพใจ.
- เสถียร จันทิมาธร. ( 2557 ). ผลงานในทางความคิดของกุยแกที่ส่งผลสะเทือนต่อโจโฉ.วิถีแห่งสุมาอี้,45-46.
- ปกรณ์ ลิมปนุสรณ์. กลยุทธ์หานเฟย.นนทบุรี:ศรีปัญญา.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทบาทของเตียวเสี้ยนในวรรณกรรมและประวัติศาสตร์

( บทบาทของเตียวเสี้ยนในวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ )    มีข้อกังขามากมายเกี่ยวกับเตียวเสี้ยน 1 ในยอดหญิงงามแห่งประวัติศาสตร์จีนที่มีบทบ...